การเช็คอิน และตั๋วเรือ

ระบบจะเปิดให้เช็คอินออนไลน์ 90 วันก่อนการเดินทาง และจะปิดระบบ 3 วันก่อนการเดินทาง สำหรับการเช็คอินออนไลน์จะช่วยลดขั้นตอนในการเช็คอินที่ท่าเรือ สำหรับผู้โดยสารที่ไม่ได้เช็คอินออนไลน์มาล่วงหน้า ต้องมาถึงที่ท่าเรืออย่างช้าที่สุด 60 นาที (เวลาขึ้นอยู่กับท่าเรือในแต่ละประเทศ ควรตรวจสอบกับทางสายเรืออีกครั้งเพื่อเวลาที่แน่นอน) หากมาช้ากว่านั้นทางเรือจะไม่สามารถให้เดินทางได้ เนื่องจากเป็นกฎระเบียบของรัฐบาลที่บางท่าเรือจะต้องส่งรายชื่อผู้โดยสารก่อนออกเดินทาง 60 นาที เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการเช็คอินออนไลน์ก็จะได้รับ SetSail Pass

  • ข้อมูลส่วนตัวของผู้โดยสารแต่ละคน
  • เอกสารประจำตัวของผู้โดยสารแต่ละคน
  • หมายเลขสมาชิก Crown & Anchor Society (หากคุณเป็นสมาชิก)
  • แผนการเดินทาง
  • ข้อมูลบัตร หรือ บัญชีสำหรับการใช้จ่ายบนเรือ เนื่องจากบนเรือสามารถจ่ายได้ด้วยบัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือ บัญชีเงินสด

Seapass เป็นบัตรสำหรับใช้บนเรือสำราญ ไม่ว่าจะใช้เข้าห้อง แสดงตัวแทนพาสปอร์ต หรือแม้กระทั่งซื้อสินค้า และบริการบนเรือ ซึ่งบัตร SeaPass จะได้รับที่ท่าเรือ หรือ ที่ห้องพักนั้นขึ้นอยู่กับเรือลำนั้นๆ โดยบัตร Seapass สามารถผูกกับบัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือบัญชีเงินสดได้ โดยสามารถทำได้ระหว่างที่ทำการเช็คอินออนไลน์ หรือที่ท่าเรือ และยังสามารถเพิ่มชื่อผู้โดยสารคนอื่นๆเข้าไปในบัตร Seapass ได้ด้วย โดยใบเสร็จค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้า และบริการทั้งหมดตลอดทั้งทริปจะถูกส่งไปที่ห้องพักในคืนสุดท้ายของการเดินทางเพื่อให้ตรวจสอบความถูกต้อง หากผูกกับบัญชีเงินสด ผู้โดยสารจะต้องมีชำระยอดเงินทั้งหมดก่อนลงจากเรือในวันสุดท้ายYour Content Goes Here

เอกสารเดินทาง

การรวบรวมเอกสาร: ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีเอกสารระบุตัวตนสำหรับการล่องเรือสำราญ เตรียมหนังสือเดินทางให้พร้อม เช็ควันหมดอายุของหนังสือให้ดีควรมีอายุอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป ถ้าไปในประเทศที่ต้องขอวีซ่า อย่าลืมเผื่อเวลาสำหรับการขอวีซ่าด้วย เพื่อความสะดวกและรวดเร็วควรเข้าไปที่หน้าเว็บไซส์ RoyalCaribbean.com/onlinecheckin เพื่อเช็คอินออนไลน์ และพิมพ์ SetSail Pass อย่างน้อย 3 วันก่อนวันที่เรือออกเดินทาง
ก่อนขึ้นเรือ: อย่าลืมพกหนังสือเดินทาง SetSail Pass ของมีค่า และยาใส่ในกระเป๋าถือติดตัวไปด้วย คุณจะต้องใช้หนังสือเดินทางและ SetSail Pass เพื่อขึ้นเรือ
การเดินทางไปลงเรือ: ทางสายเรือมีโปรแกรม “Transfers” สำหรับการเดินทางจากสนามบินไปยังท่าเรือด้วย ซึ่งสามารถซื้อบริการนี้แยกต่างหากได้ สำหรับเวลาลงเรือให้อิงตามเอกสาร SetSail Pass

ห้องพัก และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องพัก

เราจัดกลุ่มห้องพักบนเรือออกเป็นสี่ประเภท:

  • ห้องพักไม่มีหน้าต่าง
  • ห้องพักมีหน้าต่าง
  • ห้องพักมีระเบียง
  • ห้องพักสวีท

ห้องพักทั้งหมดถูกออกแบบให้เป็นที่ที่สะดวกสบายที่สามารถพักผ่อน และผ่อนคลายได้หลังจากการทำกิจกรรมทั้งวัน ห้องพักจะแตกต่างกันไปในแต่ละเรือ แต่ทุกห้องจะประกอบไปด้วยโทรทัศน์ โทรศัพท์ ห้องอาบน้ำส่วนตัว ฝักบัว โต๊ะเครื่องแป้ง และเครื่องเป่าผม ในส่วนของห้องพักสวีทก็จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆเพิ่มเติม เช่น เสื้อคลุมอาบน้ำ พื้นที่นั่งเล่น อ่างน้ำวน เป็นต้น

บนเรือ Royal Caribbean มีบริการตู้นิรภัย โดยต้องติดต่อที่แผนกลูกค้าสัมพันธ์ บริการนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เว้นแต่จะทำกุญแจหาย ซึ่งตู้นิรภัยมีจำนวนจำกัดจึงมีให้บริการสำหรับผู้ที่มาติดต่อตามลำดับก่อนหลัง

เพื่อความปลอดภัยทางเรือจะไม่มีเครื่องซักผ้าแบบบริการตนเอง หรือ เตารีดไว้ให้เนื่องจากอาจก่อให้เกิดอันตรายจากไฟไหม้ได้ แต่ทางเรือมีบริการซักผ้า รีดผ้า และซักแห้งไว้บริการ

ระเบียงเสมือนจริงคือหน้าจอความละเอียดสูงขนาด 80 นิ้วภายในห้องนอน ซึ่งขยายจากพื้นจนเกือบถึงเพดาน ทำให้ห้องเหมือนมีระเบียง นี่เป็นครั้งแรกที่จะสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพของมหาสมุทร และจุดหมายปลายทางแบบเรียลไทม์จากห้องนอนที่ไม่มีหน้าต่าง
ซึงระเบียงเสทือนจริงนี้ไม่ได้มีอยู่ในเรือทุกลำ จะมีอยู่ในเรือดังนี้ Symphony of the Seas, Harmony of the Seas, Spectrum of the Seas, Anthem of the Seas, Ovation of the Seas, Quantum of the Seas, Navigator of the Seas, Explorer of the Seas และ Voyager of the Seas

การจัดกระเป๋า และแท็กกระเป๋า

ของใช้ส่วนตัว:
เราแนะนำให้ผู้โดยสารพกยาประจำตัวไว้ในกระเป๋าสำหรับถือติดตัว เพื่อลดโอกาสในการเปลี่ยนหรือสูญหายของยา และยาทั้งหมดควรยังคงอยู่ในภาชนะเดิมที่สั่งโดยแพทย์ นอกจากนี้ยังแนะนำให้แพ็คยาเพิ่มอย่างน้อยสามวันในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงแผนการเดินทางโดยไม่คาดคิด

เครื่องแต่งกาย:
การแต่งกายขณะอยู่บนเรือขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละสถานที่ อาจจะแบ่งตามโอกาส รองเท้าควรส้นเตี้ยสำหรับกิจกรรมบนดาดฟ้า ควรนำชุดว่ายน้ำมาสัก 2-3 ตัว (เพื่อที่จะได้มีชุดว่ายน้ำแบบแห้งอยู่เสมอ) สำหรับรองเท้าขณะขึ้นฝั่ง ควรจะเป็นรองเท้าที่ใส่แล้วเดินสบาย หากล่องเรือไปในแถบแคริบเบียน เม็กซิโก หรือจุดหมายปลายทางที่มีอากาศอบอุ่น ควรมีหมวกสำหรับกันแดด หรือถ้าเดินทางไปในแถบอลาสก้า แคนาดา นิวอิงแลนด์ หรือยุโรปเหนือ อย่าลืมเตรียมเสื้อแจ็คเก็ต และเสื้อกันหนาวหลายๆ ตัวไปด้วย

ชุดลำลอง: แต่งได้ตามสบายเลย เพราะนี่คือวันพักผ่อน ไม่ว่าจะเป็นกางเกงยีนส์ กางเกงขาสั้น เสื้อยืด เสื้อกล้าม เสื้อโปโล ชุดเดรส กระโปรง และชุดว่ายน้ำสำหรับลงสระว่ายน้ำ

ชุดลำลองกึ่งทางการ: คิดว่าเป็นการแต่งกายยกระดับจากชุดอาหารค่ำทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเสื้อแจ็คเก็ต สปอร์ตโค้ต เสื้อคลุม เสื้อเชิ้ตมีปก ชุดเดรส กระโปรง หรือกางเกงสูท

ชุดทางการ: ไม่ว่าจะเป็นชุดสูทและเนคไท ทักซิโด้ ชุดค็อกเทล หรือชุดราตรีก็สามารถใส่ได้หมด อาจมี 1-3 คืนที่จะใส่ชุดทางการในระหว่างการแล่นเรือ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทางเรือ

ชุดสำหรับคืนสุดท้ายของการเดินทาง: เตรียมชุด และของใช้ส่วนตัวสำหรับคืนสุดท้าย และเช้าวันถัดไปใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทางใบเล็ก และนำกระเป๋าใหญ่ไปไว้ที่หน้าห้องในคืนสุดท้าย เพื่อให้พนักงานนำลงจากเรือไปให้ในวันถัดไป

หลังจากการทำออนไลน์เช็คอิน จะได้รับ eDocs(เอกสารอิเล็กทรอนิกส์) และแท็กกระเป๋า ซึ่งในแท็กกระเป๋าจะประกอบไปด้วยชื่อเรือ วันเดินทาง ห้องพัก ชั้นห้องพัก และวิธีสำหรับการใช้แท็กกระเป๋า ถ้าหากไม่มีแท็กกระเป๋าก็สามารถไปรับได้ที่ท่าเรือในวันเดินทางเช่นกัน

ผู้โดยสารแต่ละคนได้รับอนุญาตให้นำทรัพย์สินส่วนบุคคล รวมถึงกระเป๋าเดินทาง ขึ้นเรือในปริมาณที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสายการบินที่ผู้โดยสารเดินทางมาด้วยว่าอนุญาตให้โหลดกระเป๋ามาได้กี่ใบ

เนื่องจากปริมาณกระเป๋าเดินทางที่มีจำนวนมากอาจทำให้ได้รับกระเป๋าหลังจากที่เรือล่องออกจากท่าแล้ว และหากพบว่ากระเป๋าเดินทางมีสิ่งของต้องห้ามอยู่จะถูกจัดวางในอีกพื้นที่หนึ่งที่ต้องไปติดต่อรับกับเจ้าหน้าที่ของทางเรือ

อินเตอร์เน็ตบนเรือ

บนเรือจะมีอินเตอร์เน็ตให้เลือก 2 แบบ
1. VOOM อินเตอร์เน็ตไร้สาย (Wi-Fi) มีให้บริการในเรือทุกลำ ราคาสำหรับการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตจะแตกต่างกันไป และอาจมีการเปลี่ยนแปลง
2. อินเทอร์เน็ตแบบมีสาย (iCafes) จะมีบริการตามจุดต่างๆบนเรือ โดยสถานที่จะแตกต่างกันไปตามแต่ละเรือ

VOOM คือชื่อของบริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงที่เร็วที่สุด เร็วกว่าอินเทอร์เน็ตอื่น ๆ ในมหาสมุทรถึง 6 เท่า ไม่ว่าจะอยู่จุดไหนบนเรือ ห้องพัก หรือ ริมสระว่ายน้ำก็สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ และยังสามารถสตรีมเพลง ภาพยนตร์ อัปโหลดรูปภาพ วิดีโอแชทกับครอบครัว และเพื่อน ๆ โดยใช้ FaceTime หรือ Skype เช็คอีเมล ดูราคาหุ้น เล่นอินเตอร์เน็ต และติดต่องานได้อย่างสะดวกสบาย

Royal Caribbean เป็นเรือสำราญเพียงสายเดียวที่มีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในทะเล เพราะเรารับสัญญาณโดยตรงจากดาวเทียมทำให้เร็ว และสัญญาณเสถียร โดยเรามี VOOM ให้บริการบนเรือทุกลำ
ค่าใช้จ่ายของ VOOM จะแตกต่างกันไปตามจำนวนอุปกรณ์ และแพ็คเกจบริการที่ซื้อ ซึ่งถ้าซื้อ VOOM ก่อนล่องเรือผ่านทางระบบ Cruise Planner จะมีส่วนลดมากกว่าการซื้อบนเรือ

ห้องอาหาร และแพ็คเกจห้องอาหารบนเรือ

ตัวเลือกห้องอาหารจะแตกต่างกันไปในแต่ละเรือ โดยจะแบ่งได้คร่าวๆตามนี้:

  • ห้องอาหารหลัก – สามารถทานอาหารเช้ามื้อใหญ่ และอาหารเย็นแบบคอร์สได้
  • Windjammer Café – ห้องอาหารบุฟเฟ่ต์ที่มีอาหารให้เลือกหลากหลาย เหมาะสำหรับมื้อกลางวันมื้อใหญ่ หรือมื้อสบายๆ
  • ห้องอาหารพิเศษ – เช่นห้องอาหาร Chops Grille ที่จะนำเสนออาหารในรูปแบบที่น่าตื่นตาตื่นใจในบรรยากาศร้านอาหาร
  • ถ้าหากเป็นสายของหวาน ไม่ควรพลาดไอศครีมที่ Ben & Jerry’s หรือ มิลค์เชคที่ Johnny Rockets

อาหารบนเรือส่วนใหญ่ เช่น ห้องอาหารหลัก และ Windjammer Café จะไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่ห้องอาหารบางห้อง เช่นห้องอาหารพิเศษจะมีค่าบริการเพิ่มสำหรับการรับประทานอาหาร เช่น ที่ Chops Grille และ Johnny Rockets

บนเรือมีบริการรูมเซอร์วิสตลอดเวลาทั้งกลางวัน และกลางคืน ภายในห้องพักจะมีบริการเมนูอาหารอยู่ (คิดค่าบริการ 7.95 ดอลล่าร์สหรัฐ*)
*ค่าบริการอาจเปลี่ยนแปลงได้

เมนูอาหารจะมีให้บริการที่ห้องอาหารบนเรือ และเมนูตัวอย่างบนหน้าเว็บไซส์ Cruise Planner ในส่วนของห้องอาหารหลัก อาหารเย็นจะมีการเปลี่ยนแปลงในทุกๆมื้อ เพื่อให้ผู้โดยสารได้สัมผัสกับเมนูที่หลากหลายในแต่ละคืนYour Content Goes Here

เนื่องจากข้อจำกัดของห้องครัวในการจัดเตรียมอาหารของห้องอาหารพิเศษ จึงไม่สามารถปรับแต่งได้ แต่สามารถรองรับความต้องการทางโภชนาการได้ที่ห้องอาหารหลัก ซึ่งจะมีการควบคุมการผลิต และการบริการอาหารแบบพิเศษ

เด็กๆที่มาทานอาหารพร้อมพ่อแม่ หรือผู้ปกครองสามารถเข้าทานอาหารที่ห้องอาหารพิเศษได้ จะจองห้องอาหารบนเว็บไซส์ หรือที่ร้านอาหารพิเศษบนเรือก็ได้

แพ็คเกจการรับประทานอาหาร ที่เปิดโอกาสให้ผู้โดยสารได้เพลิดเพลินกับอาหารที่ห้องอาหารพิเศษบนเรือในราคาพิเศษ

แพ็คเกจห้องอาหารสามารถซื้อได้บนเรือ หรือ จะซื้อหลังจากที่ได้มีการจองตั๋วเรือก็ได้ อย่างไรก็ตาม แพ็กเกจมีจำนวนจำกัด จึงอยากแนะนำให้ซื้อล่วงหน้าผ่าน Cruise Planner เพื่อที่จะได้จองเวลารับประทานอาหารที่ต้องการได้ด้วย
แพ็คเกจอาหารจะไม่รวมเครื่องดื่ม เครื่องดื่มจะถูกเรียกเก็บแยกต่างหากในราคาปกติ

การยกเลิกการจองห้องอาหารพิเศษสามารถทำได้ใน Cruise Planner จะได้รับเงินคืนเต็มจำนวนเข้าในบัตรเครดิตที่ใช้ชำระเงินก็ต่อเมื่อยกเลิกอย่างน้อย 4 วันก่อนวันเดินทางคุณ หากยกเลิกช้ากว่า 4 วันก่อนวันเดินทางจะต้องทำเรื่องยกเลิกบนเรือ และจะได้เป็นเครดิตเงินคืนในบัตร Sea Pass หากยกเลิกน้อยกว่า 24 ชั่วโมงจะถูกเรียกเก็บเงินขั้นต่ำ 10 ดอลล่าร์สหรัฐ

ถ้าหากซื้อแพ็คเกจห้องอาหารผ่านทาง Cruise Planner ทิปจะถูกรวมไปแล้ว แต่ถ้าซื้อบนเรือจะมีค่าทิปเพิ่มอีก 18%

ทางเรือพยายามอย่างเต็มที่เพื่อตอบสนองความต้องการด้านอาหารของผู้โดยสารเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการแพ้อาหาร อาหารที่ปราศจากกลูเตน อาหารโคเชอร์ อาหารไขมันต่ำ หรืออาหารโซเดียมต่ำ
อาหารมังสวิรัติจะมีให้เลือกอย่างหลากหลายในเมนูของห้องอาหารหลัก และ Windjammer Cafe ผู้โดยสารไม่จำเป็นต้องรีเควสเป็นพิเศษสำหรับอาหารมังสวิรัติ
อาหารที่ปราศจากแลคโตส และอาหารโคเชอร์มีให้บริการโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่จะต้องแจ้งให้ทางเรือทราบอย่างน้อย 45 วันก่อนวันเดินทาง และ 90 วันสำหรับเส้นทางการเดินทางในยุโรป และอเมริกาใต้
ทางเรือไม่อนุญาตให้นำอาหารขึ้นมาบนเรือ ยกเว้นอาหารเด็กทารก และอาหารแห้ง

เมื่อขึ้นเรือแล้ว ผู้โดยสารสามารถเพลิดเพลินกับบุฟเฟ่ต์อาหารกลางวันที่ Windjammer Marketplace และยังมีร้านอาหารอื่นๆให้เลือกทานอีกทั้งที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม และไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ร้านอาหารที่มีให้บริการจะขึ้นอยู่กับเรือ เช่น Sorrento’s Pizza, Park Café, Chops Grille*, Jaimie’s Italian*, Johnny Rockets เป็นต้น โดยสามารถดูรายชื่อร้านอาหารที่เปิดได้จาก Cruise Compass(เอกสารที่จะมีแจกให้ที่ห้องพักบนเรือ)

* มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

Windjammer Marketplace หนึ่งในห้องอาหารที่สำคัญบนเรือ Royal Caribbean เป็นบุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติแบบบริการตนเอง มีให้เลือกทานตั้งแต่อาหารเช้า อาหารกลางวัน และอาหารเย็น ซึ่งส่วนหนึ่งของเมนูจะมีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน

My Time Dining เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่จะได้รับเมื่อจองทริปล่องเรือ ผู้โดยสารที่เลือกใช้ My Time Dining จะสามารถรับประทานอาหารเย็นในห้องอาหารหลักได้ทุกเวลาที่ต้องการ หากช่วงเวลานั้นๆมีที่ว่าง จึงอยากแนะนำให้จองเวลาอาหารที่แน่นอนในแต่ละวันกับทางห้องอาหารล่วงหน้า

ไม่ต้องจองสำหรับช่วงเวลาที่ได้เลือกไว้ตอนจองทริปล่องเรือ ผู้โดยสารจะได้รับการจัดที่นั่ง และโต๊ะเป็นที่เรียบร้อย หากเลือก My Time Dining ขอแนะนำให้จองล่วงหน้าโดยไปที่โต๊ะต้อนรับหรือโทรไปที่ห้องอาหาร เพราะลูกค้าวอล์กอิน หรือ My Time Dining จะได้ที่นั่งเมื่อห้องอาหารว่าง

ห้องอาหารหลักจะเปิดให้บริการอาหารเช้าทุกวัน และเปิดให้บริการอาหารกลางวันด้วยในวันที่เรือไม่ได้แวะเข้าฝั่ง ซึ่งทั้ง 2 ช่วงเวลาอาหารจะมีความแตกต่างกัน

บนเรือจะมีตัวเลือกร้านอาหารหลากหลายประเภทให้เลือก ตั้งแต่อาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์ ไปจนถึงอาหารจานเดี่ยว เช่น ขนมอบ โยเกิร์ต น้ำผลไม้คั้นสด และอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกอาหารมังสวิรัติ ปราศจากนม และปราศจากกลูเตนอีกด้วย หากต้องการความช่วยเหลือในการหาสิ่งที่เหมาะกับความต้องการด้านอาหารสามารถถามได้จากลูกเรือ ห้องอาหาร และร้านอาหารที่มีบริการอาหารเช้า

เช่นเดียวกับอาหารเช้า อาหารกลางวันบนเรือ Royal Caribbean ทุกลำล้วนเน้นในเรื่องความหลากหลาย ซึ่งสามารถเลือกได้ตั้งแต่ร้านอาหารที่ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม หรือ ร้านอาหารพิเศษที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งให้บริการอาหารทุกอย่างตั้งแต่อาหารที่คุ้นเคย เช่น เบอร์เกอร์ และฮอทดอก ไปจนถึงอาหารระดับภัตตาคาร ห้องอาหาร และร้านอาหารที่มีบริการอาหารกลางวัน

อาหารเย็นบนเรือสำราญ Royal Caribbean ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ถูกใจแม้กระทั่งสีจานที่พิเศษที่สุด ไม่ว่าจะเลือกรับประทานอาหารที่ร้านไหนบนเรือ ก็จะพบกับตัวเลือกอาหารอร่อยๆมากมายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากประเทศ อาหาร และวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน หากมีความต้องการด้านอาหารเฉพาะตัว ก็สามารถแจ้งให้ลูกเรือทราบได้ พวกเขายินดีที่จะช่วยเหลือ ห้องอาหาร และร้านอาหารที่มีบริการอาหารเย็น

ห้องอาหาร Windjammer เปิดให้บริการอาหารเย็นตั้งแต่ 6 โมงเย็นเป็นต้นไปYour Content Goes Here

การขึ้นเรือ และการขนส่ง

สำหรับผู้โดยสารที่ได้ทำการเช็คอินออนไลน์มาแล้ว ซึ่งการเช็คอินออนไลน์ต้องทำมาก่อนล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วันก่อนวันออกเดินทาง ผู้โดยสารควรมาถึงท่าเรือก่อนเวลาเรือออกอย่างน้อย 90 นาที เนื่องจากกฎระเบียบใหม่ของรัฐบาลที่กำหนดให้สายเรือต้องส่งรายชื่อผู้โดยสารทั้งหมดก่อนออกเดินทางอย่างน้อย 60 นาที และสำหรับผู้โดยสารที่ไม่ได้ทำการเช็คอินออนไลน์มาก่อนจะต้องมาถึงท่าเรืออย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนเวลาเรือออกเพื่อทำการเช็คอิน หากผู้โดยสารมาถึงท่าเรือน้อยกว่า 90 นาที ทางเรือจะไม่อนุญาตให้ขึ้นเรือ เพราะฉะนั้นควรเผื่อเวลาให้ดีสำหรับเวลาเครื่องลง และเวลาเดินทางจากสนามบินหรือโรงแรมมาที่ท่าเรือ

ทุกท่าเรือมีบริการรับส่งไปกลับจากสนามบินโดยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

ผู้โดยสารสามารถซื้อบริการรับส่งจากสนามบินไปยังท่าเรือที่สนามบินได้ หรืออาจซื้อบริการรับส่งกับทางสายเรือโดยตรงก็ได้ หรือหากพักในบริเวณใกล้ท่าเรือ หรือชอบการขับรถเที่ยวเอง ก็สามารถขับรถมาที่ท่าเรือได้ โดยปกติแล้วท่าเรือจะมีบริการที่จอดรถอยู่แล้ว แต่พื้นที่ในการจอดรถ และค่าที่จอดรถจะแตกต่างกันไปในแต่ละท่าเรือ

ผู้โดยสารที่พลาดการล่องเรือเนื่องจากการเดินทางล่าช้า สามารถติดต่อทีมเดินทางฉุกเฉิน (ETT) เพื่อหาวิธีขึ้นเรือ ในบางเหตุการณ์หากผู้โดยสารมีเอกสารครบถ้วนแล้ว อาจจะให้ผู้โดยสารไปรอขึ้นเรือที่ท่าเรือถัดไปได้ แต่ตัวเลือกทั้งหมดจะต้องหารือกับทาง ETT ก่อน
หากเหตุผลของการขึ้นเรือล่าช้าเป็นสาเหตุมากจากความล่าช้าของสายการบิน หรือเหตุผลอื่นๆที่ครอบคลุมกับทางกฎของเรือ ทางเรือจะคืนค่าที่พัก และค่าอาหารสำหรับวันที่มาไม่ทันให้ แต่สำหรับค่าใช้จ่ายที่ผู้โดยสารต้องเดินทางไปขึ้นเรือในท่าเรือถัดไป ผู้โดยสารจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เอง
นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ผู้โดยสารส่วนใหญ่มักจะเดินทางมาก่อนวันขึ้นเรือ แล้วพักที่โรงแรมสักคืนหนึ่งก่อนเพื่อมาเที่ยวชมเมือง และหลีกเลี่ยงความล่าช้าที่อาจเกิดขึ้นได้

ในเช้าวันสุดท้ายของการล่องเรือ ผู้โดยสารจะต้องลงจากเรืออย่างช้าที่สุดคือระหว่าง 10:00 – 11:00 น. เนื่องจากทางเรือจะต้องเตรียมความพร้อมบนเรือ เพื่อให้พร้อมที่จะต้อนรับผู้โดยสารรอบถัดไป โดยแต่ละเรือจะมีเวลาในการลงจากเรือที่แตกต่างกันออกไป ทางเรือจะแจ้งเวลาที่แน่นอนให้ทราบอีกครั้งในคืนสุดท้ายของการล่องเรือ

นี่คือสิ่งที่จำเป็นที่ควรรู้เกี่ยวกับช่วงเวลาก่อนที่จะไปล่องเรือ

  1. ในวันแรกของการล่องเรือ ควรเตรียมกระเป๋าถือใบเล็กพร้อมเอกสารการเดินทาง เสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยน ชุดว่ายน้ำ ชุดออกกำลังกาย และยารักษาโรคที่จำเป็น เพื่อที่จะได้เริ่มความสนุกเมื่อขึ้นไปบนเรือ โดยไม่ต้องรอกระเป๋าสัมภาระที่อาจจะมาช้า
  2. หากไม่เคยไปที่ท่าเรือ และไม่ทราบเส้นทางที่ต้องเดินทาง  สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซส์ Royal Caribbean
  3. เราขอแนะนำให้ทำการเช็คอินออนไลน์มาก่อน  ซึ่งสามารถทำได้ก่อนเวลาเรือออกเดินทาง 72 ชั่วโมง หรือ 3 วัน เพื่อที่จะได้ไม่เสียเวลามากนักที่ท่าเรือ
  4. เข้าระบบ Cruise Planner บนเว็บไซต์ของเราก่อนออกเดินทาง เพื่อจองโปรแกรมท่องเที่ยวชายฝั่ง สำรองที่นั่งรับประทานอาหาร และแม้แต่จองความบันเทิง โชว์ต่างๆ ได้จากเว็บไซส์นี้
  5. ผู้โดยสารต้องเช็คอินก่อนเวลาขึ้นเรืออย่างน้อย 60 นาที หรือบางครั้ง 90 นาที เพราะฉะนั้นควรเผื่อเวลาในการมาที่ท่าเรือ ไม่เช่นนั้นผู้โดยสารจะไม่ได้ขึ้นเรือหากเช็คอินช้ากว่าเวลาที่กำหนด
  6. แท็กกระเป๋าเดินทางสำหรับโหลดที่เรือจะอยู่ใน Guest Ticket Booklet หากมีกระเป๋าหลายใบควรพิมพ์สำเนาไว้หลายๆชุด เพื่อให้เพียงพอกับกระเป๋าทุกใบที่ต้องการโหลดที่เรือ ซึ่งจะช่วยให้ทางเรือระบุเจ้าของได้อย่างง่ายดาย และส่งไปที่ห้องของคุณได้อย่างรวดเร็ว

นี่คือสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับช่วงเวลาหลังจากที่ขึ้นเรือแล้ว

  1. เริ่มต้นด้วยการไปห้องอาหาร Windjammer Marketplace เพื่อที่จะได้เพลิดเพลินกับอาหารบุฟเฟต์ แล้วค่อยไปที่ห้องพัก
  2. ทันทีที่เข้าไปในห้องพักก็จะพบ Cruise Compass ที่เป็นเอกสารพร้อมตารางเวลาสำหรับกิจกรรมทั้งหมดบนเรือ และหากเป็นสมาชิก Crown & Anchor Society สิทธิประโยชน์ต่างๆจะถูกโหลดลงในบัตร SeaPass และพร้อมใช้งาน
  3. หากเดินทางพร้อมครอบครัว ควรไปที่ Adventure Ocean เพื่อลงทะเบียนให้เด็กๆในกิจกรรมที่สนุกสนาน และเหมาะสมกับวัย นอกจากนี้ ก็จะได้รับ Adventure Ocean Kids Cruise Compass ทุกวัน พร้อมกิจกรรมเฉพาะของเด็กๆที่ห้องด้วย
  4. ก่อนที่เรือจะออกเดินทาง ผู้โดยสารทุกคนต้องเข้าร่วมการฝึกซ้อมหนีไฟ หรือ Muster Drill ในจุดที่เรือกำหนด เพื่อให้ผู้โดยสารทุกคนรู้ถึงมาตราการในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน
  5. หากชื่นชอบคลาสสปาหรือฟิตเนส เราแนะนำให้ทำการจองตั้งแต่วันแรกที่ขึ้นเรือ เพราะทรีตเมนต์ยอดนิยม และเวลาจะเต็มอย่างรวดเร็ว
  6. บนเรือจะมีแพ็คเกจเครื่องดื่มที่จ่ายครั้งเดียว แต่สามารถดื่มได้ไม่อั้น ทำให้การอยู่บนเรือสะดวกสบาย และความคุ้มค่ามาก
  7. หากหรือถ้าหากสนใจในเรื่องการรับประทานอาหารมากกว่า ขอแนะนำแพ็คเกจห้องอาหาร ที่จะทำให้ได้สัมผัสกับร้านอาหารที่มีเอกลักษณ์หลายๆร้าน และประหยัดเงินได้มาก

ที่ตั้งของท่าเรือ และที่จอดรถ

ท่าเรือส่วนใหญ่มีที่จอดรถสำหรับผู้โดยสารที่มาล่องเรือ แต่พื้นที่ในการจอดรถ และค่าที่จอดรถจะแตกต่างกันไปในแต่ละท่าเรือ

Marina Bay Cruise Centre Singapore (MBCCS)

61 Marina Coastal Drive, Singapore

ข้อมูลด้านล่างจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับการเช็คอิน การโหลดสัมภาระ ที่จอดรถบริเวณอาคารผู้โดยสาร และเส้นทางการเดินทาง

การเช็คอิน

ขอแนะนำให้มาถึงที่ Marina Bay Cruise Centre Singapore เพื่อทำการเช็คอินขึ้นเรืออย่างช้าที่สุด 90 นาทีก่อนเวลาเรือออก

การโหลดสัมภาระ

พนักงานยกกระเป๋าจะรอรับสัมภาระบริเวณด้านหน้าก่อนเช็คอินที่ Marina Bay Cruise Centre Singapore

ที่จอดรถบริเวณอาคารผู้โดยสาร

ผู้โดยสารที่มาล่องเรือสำราญ จะเสียค่าที่จอดรถในราคาพิเศษที่ Marina Bay Cruise Centre Singapore

การเดินทางด้วยรถสาธารณะ

ตัวเลือกที่ 1:

  • ขึ้นรถไฟสาย East-West ไปยัง Pasir Ris หรือไปยังสถานี Downtown หากมาจาก Downtown Line
  • ลงที่สถานี Tanjong Pagar (ทางออก C) หรือสถานี Downtown Station (ทางออก C)
  • ขึ้นรถบัสหมายเลข 402 ที่ป้ายรถเมล์ ใกล้ International Plaza (03223) หรือใกล้ Marina Bay Financial Center (03391)
  • ลงที่ Marina Bay Cruise Centre Singapore

ตัวเลือกที่ 2:

  • ขึ้นรถไฟตามสาย North South ไปยังสถานี Marina Bay
  • ลงที่สถานี Marina South Pier
  • เดินอีก 600 ม. ไปยัง Marina Bay Cruise Centre Singapore

การปฏิบัติตัวของผู้โดยสาร และนโยบายอื่นๆ

อาวุธ ยาเสพติด และสิ่งของอื่น ๆ ที่อาจขัดขวางความปลอดภัยของเรือ หรือสร้างสภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัยให้แก่ผู้โดยสาร และลูกเรือ สิ่งของที่ไม่อนุญาตให้ผู้โดยสารนำขึ้นเรือ ถ้าหากทางเรือพบจะยึด และไม่คืน

สิ่งของต้องห้าม:

  • อาวุธปืน และกระสุน รวมทั้งแบบจำลองที่เหมือนจริง
  • ของมีคม รวมทั้งมีดและกรรไกร ยกเว้นของใช้ส่วนตัว เช่น มีดโกน และกรรไกรที่มีความยาวใบมีดไม่เกิน 4 นิ้ว
  • ยา และสารเสพติดที่ผิดกฎหมาย
  • น้ำมัน CBD หรือ ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกัญชา
  • เทียน ธูป เครื่องชงกาแฟ เตารีด เตารีดไอน้ำสำหรับเดินทาง กะทะร้อน และสิ่งของอื่นๆที่สร้างความร้อนหรือทำให้เกิดเปลวไฟ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายจากไฟไหม้ได้ ทางเรือไม่อนุญาตให้นำขึ้นเรือ ยกเว้นที่ม้วนผมและที่หนีบผมที่อนุญาตให้นำขึ้นเรือได้ และไม้ขีดไฟรวมถึงไฟแช็กก็สามารถนำขึ้นเรือได้ แต่ต้องไม่เป็นไฟแช็กคบเพลิง หรือไฟแช็คแปลกใหม่ที่ดูเหมือนปืนที่ปล่อยเปลวไฟที่มีความแรงสูง
  • Hoverboards หรือ สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า
  • อุปกรณ์การป้องกันตัว รวมถึงสเปรย์พริกไทยด้วย
  • ของเหลวไวไฟ วัตถุระเบิด และดอกไม้ไฟ
  • เตาบาระกุ
  • วิทยุสื่อสาร
  • กล้องวงจรปิดสำหรับดูเด็กทารก
  • ปลั๊กสามตา หรือ ปลั๊กพ่วง
  • สารเคมีอันตราย รวมทั้งสารฟอกขาว และสี
  • ผลิตภัณฑ์อาหาร และเนื้อสัตว์ที่เน่าเสียง่าย
  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ในวันขึ้นเรือ ห้องพักแต่ละห้องสามารถนำไวน์หรือแชมเปญขนาด 750 มล. มาได้ 2 ขวด)

อุปกรณ์กีฬาที่ได้รับการยกเว้นให้นำขึ้นเรือได้ แต่ต้องเก็บไว้ในห้องพัก แล้วห้ามนำออกมาใช้ขณะอยู่บนเรือ

  • ไม้เบสบอล ไม้ฮอกกี้ ไม้คริกเก็ต และไม้กอล์ฟ
  • เกตบอร์ด เซิร์ฟบอร์ด และจักรยาน

อายุขั้นต่ำในการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใน Royal Caribbean International มีดังนี้

  • อายุขั้นต่ำในการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนเรือที่ออกเดินทางจากอเมริกาเหนือคือ 21 ปี
  • อายุขั้นต่ำในการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนเรือที่ออกเดินทางจากดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์คือ 21 ปี
  • อายุขั้นต่ำในการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนเรือที่ออกเดินทางจากอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ คือ 18 ปี

บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเพิ่มอายุขั้นต่ำของการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนเรือ ซึ่งอาจมีบางครั้งที่กฎหมายท้องถิ่นปรับเปลี่ยนกฎ ทางเรือจึงต้องปฏิบัติตาม

ในช่วงเวลาทำการของคาสิโนทางเรืออนุญาตให้สูบบุหรี่ได้ แต่จะมีบางพื้นที่กำหนดให้เป็นเขตปลอดบุหรี่ ซึ่งจะมีป้ายแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน สำหรับเส้นทางที่ออกเดินทางจากประเทศจีน และฮ่องกงจะไม่มีพื้นที่ปลอดบุหรี่ในคาสิโน และสำหรับเส้นทางที่ออกเดินทางจากออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักรจะห้ามสูบบุหรี่ในคาสิโน

ในคาสิโนขณะเปิดให้บริการสามารถสูบบุหรี่ได้ในพื้นที่ที่อนุญาต และในคลับซิการ์บนเรือ Freedom of the Seas และ Voyager of the Seas  ถ้าเป็นเส้นทางที่เดินทางมาจากจีนจะมีพื้นที่ด้านในเรือที่จัดไว้ให้สำหรับสูบบุหรี่ด้วย และสำหรับพื้นที่กลางแจ้งสามารถสูบบุหรี่ได้ในพื้นที่ที่กำหนดด

สินค้าปลอดภาษีที่ซื้อบนเรือสามารถนำกลับห้องพัก และสามารถใช้ได้เลย แต่แอลกอฮอล์ และบุหรี่ที่ปลอดภาษี ทางเรือจะจัดส่งให้ผู้โดยสารในวันสุดท้ายของการเดินทาง หรือ เช้าวันที่ลงจากเรือ

ผู้โดยสารไม่ได้รับอนุญาตให้นำเบียร์ หรือ สุราขึ้นมาบนเรือ แต่สามารถนำไวน์ หรือแชมเปญขึ้นมาบนเรือได้ห้องพักละ 750 มล. 2 ขวด หากนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มามากเกินจำนวนที่เรือกำหนด จะถูกยึดในวันขึ้นเรือและจะไม่ถูกส่งคืน ผู้เข้าพักที่ละเมิดนโยบายเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น ดื่มมากเกินไปจนแสดงพฤติกรรมที่ขาดความรับผิดชอบ ให้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่ผู้ที่อายุต่ำกว่าเกณฑ์ที่ทางเรือกำหนด หรือพยายามปกปิดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่จุดตรวจค้น จุดตรวจสัมภาระ หรือเวลาอื่นใด ผู้โดยสารอาจถูกเชิญให้ลงจากเรือ หรือไม่อนุญาตให้ขึ้นเรือ

ผู้โดยสารที่ดื่มไวน์ และแชมเปญส่วนตัวในพื้นที่ส่วนกลางจะต้องเสียค่าธรรมเนียมเปิดขวด 15 ดอลลาร์สหรัฐต่อขวด

กฎระเบียบเกี่ยวกับอายุในการเดินทางคนเดียว

อายุขั้นต่ำในการล่องเรือ Royal Caribbean โดยลำพังถ้าออกจากอเมริกาเหนือคือ 21 ปี และออกจากอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์คือ 18 ปี 

บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเพิ่มอายุขั้นต่ำในการเดินเรือโดยลำพังในบางครั้งเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายท้องถิ่น ซึ่งไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก 

กฎระเบียบเกี่ยวกับทารก

​​ทารกที่เดินทางบนเรือสำราญต้องมีอายุอย่างน้อย 6 เดือน ณ วันแรกของการล่องเรือ สำหรับเส้นทางการล่องเรือข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก ฮาวาย และอเมริกาใต้ ทารกจะต้องมีอายุอย่างน้อย 12 เดือน ณ วันแรกของการล่องเรือ หากผู้โดยสารที่เดินทางพร้อมทารกที่อายุต่ำกว่าเกณฑ์ที่ทางเรือกำหนด ทางเรือจะไม่อนุญาตให้ขึ้นเรือและจะไม่มีการคืนเงินหรือได้รับค่าชดเชยใดๆจากสายเรือ

กฎระเบียบเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

อายุขั้นต่ำในการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใน Royal Caribbean International มีดังนี้

  • อายุขั้นต่ำในการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนเรือที่ออกเดินทางจากอเมริกาเหนือคือ 21 ปี
  • อายุขั้นต่ำในการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนเรือที่ออกเดินทางจากดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์คือ 21 ปี
  • อายุขั้นต่ำในการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนเรือที่ออกเดินทางจากอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ คือ 18 ปี

บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเพิ่มอายุขั้นต่ำของการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนเรือ ซึ่งอาจมีบางครั้งที่กฎหมายท้องถิ่นปรับเปลี่ยนกฎ ทางเรือจึงต้องปฏิบัติตาม

กฎระเบียบเกี่ยวกับการเล่นคาสิโน

ผู้โดยสารที่อายุ 18 ปีขึ้นไปสามารถเล่นคาสิโนได้ แต่สำหรับการล่องเรือในอลาสก้า ผู้โดยสารต้องมีอายุ 21 ปีขึ้นไปจึงจะสามารถเล่นคาสิโนได้

เพื่อความสะดวกสบาย และเพลิดเพลินของผู้โดยสาร ทางเรือได้กำหนดให้บนเรือเป็นเขตปลอดบุหรี่ อย่างไรก็ตาม ทางเรือเราทราบดีว่าผู้โดยสารบางคนของเราสูบบุหรี่ ดังนั้นเพื่อให้สภาพแวดล้อมบนเรือเป็นที่พอใจของทุกฝ่าย ทางเรือจึงได้กำหนดพื้นที่บางส่วนของเรือให้เป็นพื้นที่สูบบุหรี่ ผู้โดยสารสามารถสอบถามพื้นที่ที่สามารถสูบบุหรี่ได้จากฝ่ายบริการลูกค้า

ทางเรืออนุญาตให้สูบบุหรี่ ซิการ์ บุหรี่ไฟฟ้า และไปป์ในพื้นที่กลางแจ้งที่กำหนด และได้จัดเตรียมที่เขี่ยบุหรี่ไว้ให้ พื้นที่กลางแจ้งใกล้กับสถานที่ขายอาหาร สนามเด็กเล่น และสระว่ายน้ำจะไม่อนุญาตให้สูบบุหรี่ สำหรับเรือในชั้น Oasis class จะไม่อนุญาตให้สูบบุหรี่ใน Central Park และ Boardwalk neighborhoods

ในช่วงเวลาทำการของคาสิโนทางเรืออนุญาตให้สูบบุหรี่ได้ แต่จะมีบางพื้นที่กำหนดให้เป็นเขตปลอดบุหรี่ ซึ่งจะมีป้ายแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน สำหรับเส้นทางที่ออกเดินทางจากประเทศจีน และฮ่องกงจะไม่มีพื้นที่ปลอดบุหรี่ในคาสิโน และสำหรับเส้นทางที่ออกเดินทางจากออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักรจะห้ามสูบบุหรี่ในคาสิโน

พื้นที่สาธารณะภายในเรือทั้งหมดเป็นพื้นที่ปลอดบุหรี่ ไม่อนุญาตให้สูบบุหรี่ในห้องอาหาร โรงละคร บาร์ ห้องรับรอง โถงทางเดิน ลิฟต์ ลู่วิ่ง รวมทั้งห้องพัก และระเบียงห้องพักด้วย หากทางเรือทราบว่ามีการสูบบุหรี่ภายในห้องพัก จะคิดค่าธรรมเนียมทำความสะอาดห้องพัก 250 ดอลลาร์สหรัฐ และอาจต้องดำเนินการเพิ่มเติมตามนโยบายของทางเรือ

บุหรี่ ซิการ์ และไปป์ต้องกำจัดอย่างเหมาะสม และห้ามทิ้งลงทะเล สำหรับผู้ที่ซื้อ ครอบครอง หรือสูบยาสูบในเส้นทางที่ออกจากท่าเรือของสหรัฐอเมริกาต้องมีอายุอย่างน้อย 21 ปี และสำหรับเส้นทางที่ออกจากท่าเรืออื่นๆต้องมีอายุอย่างน้อย 18 ปี

Royal Caribbean ขอความกรุณาให้ผู้โดยสารทุกท่านโปรดปฏิบัติตามนโยบายการสูบบุหรี่เพื่อให้การล่องเรือสะดวกสบายที่สุดสำหรับทุกคน หากผู้โดยสารละเมิดนโยบายการสูบบุหรี่ อาจต้องดำเนินการเพิ่มเติมตามนโยบายของทางเรือ

Royal Caribbean ใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราตลาดรายวันที่เผยแพร่โดย Bloomberg ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการทางการเงินที่มีชื่อเสียงในนิวยอร์ก

บัญชีค่าใช้จ่ายบนเรือหรือที่เรียกว่าบัญชี Seapass เป็นระบบเงินสดที่ใช้สำหรับการซื้อของ และบริการบนเรือทั้งหมด ผู้โดยสารจะได้รับบัตร SeaPass ที่ท่าเรือ หรือที่ห้องพักขึ้นอยู่กับเรือแต่ละลำ

บัญชีค่าใช้จ่ายในบัตร Seapass สามารถผูกกับบัตรเครดิต หรือบัญชีเงินสดก็ได้ และสามารถเพิ่มผู้โดยสารจากห้องพักเดียวกัน หรือ ต่างห้องพักให้เป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตในการซื้อของผ่านบัญชีเดียวกันได้ ราคาสินค้าทั้งหมดบนเรือจะใช้สกุลเงินดอลล่าห์สหรัฐ

สำหรับการซื้อของแต่ละครั้งจะได้รับใบเสร็จที่จุดขายทุกครั้ง และจะได้รับใบเสร็จที่สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ห้องพักในเช้าวันสุดท้ายของการเดินทาง เพื่อให้ตรวจสอบความถูกต้องทั้งหมดอีกครั้ง สำหรับผู้ที่ผูกบัญชี Seapass ไว้กับบัตรเครดิต หากการซื้อทั้งหมดถูกต้อง ระบบจะเรียกเก็บเงินจากบัตรเครดิตโดยอัตโนมัติ และผู้ที่ผูกไว้กับบัญชีเงินสดจะต้องชำระเงินในใบแจ้งยอดก่อนลงจากเรือ

บนเรือจะมีตัวเลือกห้องอาหาร และอาหารให้เลือกมากมายที่เหมาะกับรสนิยม และความชอบส่วนใหญ่ของผู้โดยสาร แต่ผู้โดยสารก็สามารถนำอาหารแห้ง และเครื่องดื่มขึ้นเรือมาได้ด้วยในปริมาณที่จำกัด สำหรับเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ต้องไม่เกิน 12 กระป๋อง ขวด หรือ กล่องมาตรฐาน (17 ออนซ์) ต่อห้องพัก อนุญาตให้นำนม และอาหารสำหรับทารก อาหารที่ใช้ทางการแพทย์ หรืออาหารที่มีความเฉพาะทางโภชนาการขึ้นเรือได้

สระว่ายน้ำ

  • ห้ามดำน้ำ หรือ วิ่งเล่น
  • ใช้ราวจับ และบันไดเข้าออกจากสระว่ายน้ำ
  • ไม่อนุญาตให้ดื่ม หรือ ทานอาหารในบริเวณสระว่ายน้ำ
  • เด็กๆต้องได้รับการดูแลจากผู้ใหญ่ตลอดเวลา
    • มีเสื้อชูชีพบริการฟรี 3 ขนาดสำหรับเด็กอายุระหว่าง 4 – 12 ปี บริเวณจุดบริการผ้าขนหนู และสามารถใช้ได้บนเรือเท่านั้น
    • มีเจ้าหน้าที่กู้ภัยคอยตรวจตราบริเวณสระน้ำในเวลาที่กำหนด
  • เนื่องจากกฎข้อบังคับด้านสาธารณสุข จึงไม่อนุญาตให้เด็กสวมผ้าอ้อม ผ้าอ้อมสำหรับว่ายน้ำ หรือผู้ที่ไม่ได้รับการฝึกใช้ห้องน้ำอย่างสมบูรณ์ใช้สระว่ายน้ำ และอ่างน้ำวน

Flowrider

  • ข้อจำกัดด้านความสูง: ผู้เข้าร่วมต้องมีความสูงอย่างน้อย 52 นิ้ว(133 เซนติเมตร) และสำหรับ boogie board ต้องมีความสูงอย่างน้อย 58 นิ้ว(148 เซนติเมตร) เพื่อที่จะสามารถยืนเล่นกระดานโต้คลื่นได้

Riptide℠, Splashaway Bay℠

  • ความสูงอย่างน้อย 42 นิ้ว(107 เซนติเมตร)
  • น้ำหนักสูงสุด 300 ปอนด์(136 กิโลกรัม)

The Perfect Storm℠ Waterslides (Typhoon℠, Cyclone℠ and Supercell℠)

  • ความสูงอย่างน้อย 48 นิ้ว(122 เซนติเมตร)
  • น้ำหนักสูงสุด 300 ปอนด์(136 กิโลกรัม) สำหรับTyphoonน้ำหนักสูงสุด 220 ปอนด์(99 กิโลกรัม) และสำหรับCycloneบนเรือ Adventure of the Seas น้ำหนักสูงสุด 250 ปอนด์(113 กิโลกรัม)

The Blaster℠

  • ความสูงอย่างน้อย 45 นิ้ว(115 เซนติเมตร) และสำหรับผู้ที่เล่นเครื่องเล่นนี้ที่มีความสูงน้อยกว่า 48 นิ้ว(122 เซนติเมตร) จะต้องเล่นกับผู้ใหญ่เท่านั้น
  • น้ำหนักสูงสุด 400 ปอนด์(181 กิโลกรัม) ต่อ1ห่วงยาง(2 คน)

Tidal Wave℠ Boomerang Slide

  • ความสูงอย่างน้อย 52 นิ้ว(132 เซนติเมตร)
  • น้ำหนักต่อคนน้อยสุด 75 ปอนด์(34 กิโลกรัม) น้ำหนักต่อคนสูงสุด 280 ปอนด์(127 กิโลกรัม)

**กิจกรรม เครื่องเล่น และเวลาเปิดปิดขึ้นอยู่กับเรือแต่ละลำ

บนเรือมีบริการตู้กดเงินสด และบริการแลกเปลี่ยนสกุลเงินไว้ให้บริการ แต่สกุลเงินที่สามารถแลกเปลี่ยนได้จะไม่ได้มีทุกสกุลเงิน ตู้กดเงินสดบนเรือจะมีค่าธรรมเนียมในการถอนแต่ละครั้ง

เช่นเดียวกับการตรวจความปลอดภัยที่สนามบิน เพื่อความปลอดภัยของทุกคนทางเรือมีมาตราการการคัดกรองสัมภาระทั้งหมดของผู้โดยสารที่นำขึ้นมาบนเรือ หากมีสิ่งของในกระเป๋าเดินทางที่เป็นของต้องห้ามหรือเชื่อว่าเป็นสิ่งของต้องห้าม กระเป๋าจะถูกนำไปที่จุดคัดกรองและจะได้รับการตรวจสอบโดยทีมรักษาความปลอดภัยบนเรือ กระบวนการคัดกรองดำเนินการภายใต้การดูแล และทางเรือจะตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการปฏิบัติตามขั้นตอนที่ถูกต้อง เมื่อกระบวนการตรวจสอบเสร็จสิ้น หากสิ่งของของผู้โดยสารมีความจำเป็นต้องถูกยึด เจ้าหน้าที่จะจัดเตรียมใบเสร็จสำหรับสิ่งของต้องห้ามให้แก่ผู้โดยสาร เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถรับสิ่งของที่ถูกยึดไว้ได้ในวันที่ลงจากเรือ

หากนามสกุลของผู้ปกครองและเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่างกัน ผู้ปกครองจะต้องแสดงหนังสือเดินทาง และวีซ่าที่ยังไม่หมดอายุของเด็ก (หากจำเป็น) และสูติบัตรของเด็ก (ตัวจริง หรือสำเนารับรอง) ซึ่งชื่อของผู้ปกครอง และเด็กจะต้องเชื่อมโยงกันผ่านเอกสารทางกฎหมาย และหากผู้ใหญ่ที่เดินทางด้วยกันนั้นไม่ใช่พ่อแม่ หรือ ผู้ปกครองตามกฎหมายของเด็ก จะต้องแสดงหนังสือเดินทาง และวีซ่าที่ยังไม่หมดอายุของเด็ก หรือสูติบัตรของเด็ก(ตัวจริง หรือสำเนารับรอง) และหนังสือรับรองตัวจริงที่ลงนามโดยพ่อแม่ของเด็กอย่างน้อยหนึ่งคน โดยจดหมายรับรองจะต้องระบุว่าอนุญาตให้ผู้ใหญ่ที่เดินทางมากับเด็กสามารถพาเด็กไปล่องเรือได้โดยเฉพาะ รวมทั้งต้องอนุญาตให้ผู้ใหญ่ที่เดินทางมากับเด็กสามารถลงนามในเอกสารทางกฎหมาย หรือเอกสารการอนุญาตเข้าร่วมกิจกรรมบนเรือที่ต้องใช้ เช่น ปีนหน้าผา โฟลว์ไรเดอร์ แทรมโพลีนบันจี้จั๊ม ไอซ์สเก็ต และต้องอนุญาตให้ผู้ใหญ่ที่เดินทางกับเด็ก อนุญาตให้มีการรักษาพยาบาลเด็กเมื่อมีความจำเป็น

หนังสือเดินทางต้องมีอายุอย่างน้อย 6 เดือน

สำหรับแพ็คเกจการรับประทานอาหาร เด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปีจะไม่สามารถซื้อแพ็คเกจการรับประทานได้ แต่ถ้าหากมากับผู้ปกครองเด็กอายุ 6-12 ปีสามารถจองเพิ่มได้ในราคา 10 ดอลลาร์สหรัฐ และเด็กที่อายุไม่เกิน 5 ปีรับประทานอาหารฟรี

การจ่ายเงิน และกฎเกี่ยวกับการยกเลิกการล่องเรือ

ราคาของตั๋วเรือรวม: 

  • ห้องพักบนเรือ
  • การขนส่งทางทะเล
  • อาหารส่วนใหญ่บนเรือ
  • เครื่องดื่มบางส่วนบนเรือ
  • กิจกรรม และความบันเทิงส่วนใหญ่บนเรือ

บริการต่อไปนี้ไม่รวมอยู่ในราคาตั๋วเรือ:

  • ห้องอาหารพิเศษ เช่น Chops Grille, 150 Central Park, Johnny Rockets และ Izumi
  • สปา และร้านเสริมสวย
  • คาสิโน และกิจกรรมการพนันทั้งหมด
  • การประมูลงานศิลปะ
  • การซื้อใดสินค้าต่างๆในร้านขายของบนเรือ
  • กิจกรรมบนชายฝั่ง
  • รูปถ่าย
  • การบริการทางการแพทย์
  • อินเตอร์เน็ต
  • การขนส่งจากเรือไปสถานที่ต่างๆเช่น สนามบิน หรือ โรงแรม
  • บริการซักรีดและซักแห้ง
  • การใช้โทรศัพท์ทางไกลจากบนเรือมาบนฝั่ง หรือจากบนฝั่งมาบนเรือ
  • ทิป
  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • เครื่องดื่มที่ไม่ใช่แอลกอฮอล์ ยกเว้นน้ำเปล่า น้ำมะนาว และชาเย็น 

ราคาทั้งหมดเป็นราคาต่อคน โดยอิงจากการเข้าพักห้องละ 2คน ค่าโดยสารเรือสำราญยังไม่รวมภาษี ค่าธรรมเนียม หรือค่าธรรมเนียมอื่นๆของรัฐบาลที่อาจประเมินโดยหน่วยงานของรัฐ

ทิปคือ ค่าบริการบนเรือที่จะถูกเก็บอัตโนมัติขั้นต่ำ 14.50 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อคน ต่อวัน แล้วแต่ประเภทห้องที่เลือกพัก ถ้าพักห้องแกรนด์สวีทขึ้นไปจะถูกเรียกเก็บ 17.50 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อคน ต่อวัน โดยจะถูกเรียกเก็บผ่านบัตร Sea Pass หรือถ้าหากชำระมาก่อนล่วงหน้าพร้อมกับค่าตั๋วเรือก็จะไม่ถูกเก็บเพิ่มในบัตร Sea Pass ทิปหรือค่าบริการนี้มีขึ้นเพื่อเป็นการให้รางวัลแก่ลูกเรือ โดยจะถูกแบ่งให้แก่ พนักงานเสิร์ฟอาหาร บาร์ และครัว พนักงานที่ดูแลห้องพัก และทีมบริการอื่นๆบนเรือที่ทำงานเบื้องหลัง

สำหรับการจองที่เป็น Non-Refundable Deposit จะไม่ได้รับเงินมัดจำคืน แต่สามารถเปลี่ยนแปลงวันเดินทางได้โดยมีค่าใช้จ่าย และสำหรับการจองแบบทั่วไปที่ไม่ใช่ Non-Refundable Deposit สามารถขอเงินคืนได้ตามเงื่อนไขในตารางด้านล่าง

หากมีการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต จะมีการคืนเงินไปยังบัตรเครดิตนั้นๆ หากชำระเงินผ่านตัวแทนจำหน่าย การคืนเงินจะถูกส่งกลับไปยังตัวแทนจำหน่ายนั้นๆ

การล่องเรือสำราญ 1 – 4 คืน จำนวนเงินคืน
ยกเลิกก่อนการเดินทาง 75 วัน หรือมากกว่า ได้รับเงินคืนทั้งหมด (ยกเว้น Non-Refundable Deposit)
ยกเลิกก่อนการเดินทาง 61 – 74 วัน ได้รับเงินคืน 50% ของราคาตั๋วเรือทั้งหมด
ยกเลิกก่อนการเดินทาง 31 – 60 วัน ได้รับเงินคืน 25% ของราคาตั๋วเรือทั้งหมด
ยกเลิกน้อยกว่า 30 วันก่อนการเดินทาง ไม่คืนเงิน
การล่องเรือสำราญมากกว่า 5 คืน จำนวนเงินคืน
ยกเลิกก่อนการเดินทาง 90 วัน หรือมากกว่า ได้รับเงินคืนทั้งหมด  (ยกเว้น Non-Refundable Deposit​)
ยกเลิกก่อนการเดินทาง 75 – 89 วัน ได้รับเงินคืน 75% ของราคาตั๋วเรือทั้งหมด
ยกเลิกก่อนการเดินทาง 61 – 74 วัน ได้รับเงินคืน 50% ของราคาตั๋วเรือทั้งหมด
ยกเลิกก่อนการเดินทาง 31 – 60 วัน ได้รับเงินคืน 25% ของราคาตั๋วเรือทั้งหมด
ยกเลิกน้อยกว่า 30 วันก่อนการเดินทาง ไม่คืนเงิน

**การเดินทางหมายถึง วันแรกที่เรือออกเดินทาง

หากยกเลิกหลังจากที่เรือออกเดินทางแล้ว หรือ ผู้โดยสารไม่มาขึ้นเรือในเวลาที่กำหนด จะไม่มีการคืนเงิน หรือ ค่าชดเชย สำหรับการคืนเงิน หากผู้โดยสารชำระเงินผ่านบัตรเครดิต จะมีการคืนเงินไปยังบัตรเครดิตนั้นๆ หากผู้โดยสารชำระเงินผ่านตัวแทนของ Royal Caribbean เงินจะถูกส่งคืนกลับไปยังตัวแทนนั้นๆ

ข้อกำหนดการวางเงินมัดจำจะแตกต่างกันไปตามระยะเวลาในการล่องเรือ และจำนวนผู้เข้าพักต่อห้อง โดยทั่วไปหลักเกณฑ์การวางมัดจำคือ สำหรับการล่องเรือ 1-5 คืนต้องวางมัดจำคนละ 100 ดอลลาร์สหรัฐ  สำหรับการล่องเรือ 6-9 คืนต้องวางมัดจำคนละ 350 ดอลลาร์สหรัฐ และสำหรับการล่องเรือ 10 คืนขึ้นไปต้องวางมัดจำคนละ 500 ดอลลาร์สหรัฐ